ม.อ. ต้อนรับทูตานุทูต 21 ประเทศ เน้นบทบาทสู่สากล งานวิจัยเพื่อความยั่งยืน และการสร้างสันติภาพในภาคใต้










ม.อ. ต้อนรับทูตานุทูต 21 ประเทศ
เน้นบทบาทสู่สากล งานวิจัยเพื่อความยั่งยืน และการสร้างสันติภาพในภาคใต้
      ทูตานุทูต 21 ประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนต่างประเทศ เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับต่างประเทศ จัดโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เถกิง วงศ์ศิริโชติ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ บรรยายสรุปการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และบุคลากร ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม 210 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
​     ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2510 ประกอบด้วย 5 วิทยาเขต ได้แก่ หาดใหญ่ ปัตตานี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และตรัง เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการและนวัตกรรมในภูมิภาคภาคใต้ และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย โดย QS นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาทั่วโลกมากกว่า 600 แห่ง มีนักศึกษานานาชาติจาก 37 ประเทศ เข้ามาศึกษาทั้งในระดับบัณฑิตศึกษาและระดับปริญญาตรี ซึ่งมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของนักศึกษาและบุคลากร สอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการอย่างมั่นคงและยั่งยืน
​     ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เถกิง วงศ์ศิริโชติ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งพัฒนาสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยเน้นการสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการและนวัตกรรม เชื่อมโยงงานวิจัยเพื่อการพัฒนาภาคใต้และประเทศ รวมถึงการบ่มเพาะบัณฑิตที่มีความรู้ คุณธรรม และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งมหาวิทยาลัยติดอันดับ TOP ของประเทศหลายสาขา ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและแพทยศาสตร์ และด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ
​     ปัจจุบัน ม.อ. เปิดสอน 302 หลักสูตร ครอบคลุมทั้งระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา โดยมีนักศึกษามากกว่า 36,700 คน และนักศึกษาต่างชาติจำนวน 543 คน จาก 37 ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรปริญญาควบ (Dual Degree) ร่วมกับมหาวิทยาลัยจากนานาชาติอีก 23 หลักสูตร พร้อมบุคลากรด้านการสอนและวิจัยจากหลากหลายประเทศ มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการวิจัยสหวิทยาการ การพัฒนาภูมิภาคภาคใต้ การสร้างความร่วมมือนานาชาติ และการขับเคลื่อนงานวิจัยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมีนักวิจัยหลายท่านที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ นอกจากงานวิชาการแล้ว ม.อ. ยังขับเคลื่อนโครงการเพื่อสังคม เช่น การวิจัยพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อการลดความยากจนและการพัฒนาความเท่าเทียมในประเทศไทย กรณีศึกษาจังหวัดปัตตานี และ ศูนย์เฝ้าระวังชายแดนใต้ (Deep South Watch) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความขัดแย้งและสื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ของสังคม
“การเยือนของทูตานุทูตในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยและจังหวัดสงขลาในเวทีโลก” รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ กล่าว








​    จากนั้น คณะฯ ยังได้เยี่ยมชมการดำเนินงานทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัย ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เวชวิวัฒน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน “บริการพิเศษ / Premium Services” ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพสูง ระดับบริการพิเศษแก่ผู้ป่วยที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกและการดูแลเป็นพิเศษ เป็นสถาบันการแพทย์ที่ให้บริการ Health Care Service ครอบคลุมด้านการรักษาพยาบาล การฟื้นฟู การส่งเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค เป็นช่องทางการรับบริการสุขภาพให้แก่ผู้ป่วยที่มีศักยภาพด้านการเงินได้รับการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และเป็นต้นแบบสำหรับการบริหารจัดการแบบ privatization ของโรงพยาบาลรัฐบาลในพื้นที่ภาคใต้
​     นอกจากนี้ ทูตานุทูตยังได้เดินทางไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมนวัตกรรมของภูมิภาค ประกอบด้วยอาคารหลัก 4 หลัง ได้แก่ อาคาร A ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจและ Co-working Space, อาคาร B ห้องปฏิบัติการและโรงงานต้นแบบ, อาคาร C ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อผลักดันงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ และอาคาร D ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์ โดยทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่ภาคเอกชน ใช้ทรัพยากรด้านวิจัยของภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริมการตั้งตัวและเติบโตของธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภาคใต้ พร้อมให้บริการแบบครบวงจร เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของภาคใต้และของประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว
​    ทั้งนี้ คณะผู้แทนทางการทูตในครั้งนี้ ประกอบด้วย ระดับเอกอัครราชทูต ได้แก่ นอร์เวย์ สิงคโปร์ เดนมาร์ก โปรตุเกส ญี่ปุ่น แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ สเปน อิตาลี ลักเซมเบิร์ก และระดับอื่น ๆ ได้แก่ สวีเดน เบลเยียม โรมาเนีย ฟินแลนด์ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย โปแลนด์ นิวซีแลนด์ กรีช และฝรั่งเศส ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานที่สำคัญในจังหวัดสงขลา ศึกษาถึงศักยภาพของจังหวัดสงขลาในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การศึกษา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และวิถีชีวิตของประชาชน อันจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืน รวมถึงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อศึกษาศักยภาพด้านการศึกษา การแพทย์ และนวัตกรรมภาคใต้









 
 
เว็บสำเร็จรูป
×